the sixteen randomness,

January 13, 2009

**rules: once you’ve been tagged, you are supposed to write a note with 16 random things, facts, habits, or goals about you. at the end, choose 16 people to be tagged. you have to tag the person who tagged you. if i tagged you, it’s because i want to know more about you.**

[Pradt and Kob Baka tagged me]

1.I’m quitting the drink but wine,keeping the hangover.
2.I’m romantic and realistic.
3.I want to take philosophy courses.
4.I always travel alone,I restore myself when i’m alone.
5.I’m morning catcher.
6.I live in 2 worlds like a girl ‘leslie’ from Bridge to Terabithia
same as Virginia Woolf – a major british novelist,I’m visionary.
(you may say i’m a dreamer but i’m not the only one)
I’m a party animal but I always live alone in my parallel universe.
7.I love to watch football match and love Manchester United.
8.Viva la belleza !!!!!!!!!!
9.I love art! everything about art films,books,music,ideas,photography
baking…I say EVERYTHING!
10.I love travelling,baking,cooking,reading,
listening cool music,playing game,love to be a photographer.
11.I really love to sing and smile everyday.
12.I used to be an creative [thinker]
I used to be barista coz I love to make coffee and own my coffee shop
[I did it]
I’m still a cake maker 🙂 ..I’m a dream catcher!!
13.writing is my life
..someday I will proudly stand up and say ‘ I am a writer’
14.I need money to fulfill my dreams..traveling & writing around the world,
writing without conditions for living,I need beach view villa and mountain view villa,I need Dodge Viper >< show me the money and the quan!!!!
15.I’m the center of my universe.
16.I love you![I really wanna say something stupid like this] haha

 

tag ใครดี >< tag ได้ไง blogลับบบบบบบบบบบบบบบบบ

i can buy you,

December 2, 2008

+วันนี้ delete sms ในปี2008 ที่ไม่สำคัญออกจากมือถือ sms ก็ยังมีเรื่องราวตามแนวทางของมัน dm ก็มีแนวทางของมัน fav ใน twitter ก็มีแนวทางของมัน

+ฟังเพลงจากมือถือ most played ของปีก่อนคือ i can buy you ของ Nina Persson ( รักเหอะ ) มันบอกบางอย่างได้เหมือนกัน ว่าคนที่ร่าเริง สุดเฟี้ยว เวลาเล่นกับเพื่อนใน the cardigans เวลาเศร้าก็ เศร้าจับใจ nina กับเราก็คงไม่ต่างไม่งั้นจะเป็น most playedไปได้ยังไง

most played ของปีนี้ น่าตกใจ เพราะมันคือ closer!!!!!! เราไม่ได้ชอบเพลงนี้ขนาดนั้ travis ก็ไม่ได้คลั่งขนาดนี้ …งง

+ทริปหลวงพะบาง ที่ว่าจะไปกันตอน jan ดูไม่มีใครตื่นเต้นกันแล้ว อืมมม บางทีไปอัมพวาอาจจะน่าสนใจกว่าแต่ถึงยังไงเราก็จะไปเพราะมันอยู่ในลิสต์ที่จดไว้ในใจ  ความเป็นได้มากที่สุดในตอนนี้คือไปคนเดียวแล้วค่อยโฟนอิน มาที่เมืองไทยเอา
+I can buy you, oh yeah, oh yeah
But I can’t make you do what you don’t
And I can hire you, oh yeah, oh yeah
But I can’t make you love me, I can’t make you care

beaver moon

November 15, 2008

+ มีฉากหนึ่งใน My best friend’s wedding ตอนที่เพื่อนเกย์ของนางเอกเล่าว่าเขาชอบเธอตอนไหนบนโต๊ะอาหาร ถึงจะเป็นเป็นเรื่องโกหกเพื่อช่วยเพื่อนแต่ก็รู้สึกว่าเพื่อนคู่นี้เค้ารักกันจริงๆ (ในสักแบบ) เล่ามาถึงตอนสำคัญ เขาเงียบอยู่สักครู่หนึ่งและก็ร้องขึ้นมาว่า..
I run for the bus dear
while ridding I think us dear
I say a little prayer for you ….
แล้วทุกคนก็ร่วมกันร้องเพลง

+ I say a little prayer for you เวอร์ชัน swan dive เป็นเวอร์ชันที่ชอบที่สุด ไม่รู้ว่ามอลลี่อินหรือเปล่าแต่เราอิน ..:)

[note]
ซื้อดีวีดี wall•e,the fall >< ><

+ beaver moon พระจันทร์สวยมาก ตรงกับวันลอยกระทงของชาวไทย
ซึ่ง..เราสนใจแค่พระจันทร์มันเต็มดวงแค่นั้นเอง

Blackberry Moon,

October 14, 2008

+ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์เดือนตุลาคมชื่อว่า Blackberry Moon พระจันทร์ก็ยังเป็นเพื่อนและเป็นแรงบันดาลใจของคนบนโลกเสมอ เคยอ่านที่ไหนสักแห่ง คืนพระจันทร์เต็มดวงจะเป็นคืนที่คนบนโลกล้วนแล้วอ่อนไหวเป็นพิเศษ

+ หยิบเพลงเก่าๆตอนเด็กๆมาฟัง เคยนั่งรถไฟจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ ในคืนที่มีดาวเยอะๆ คืนมืดมิด อากาศหนาว อยู่กับเพลง “เดินทาง นับดาว รอคอย” นานมากแล้วนะ 🙂 ความเชื่อในตอนเด็กนั้นเป็นความคิดที่ไม่มีอคติกับสิ่งใดในโลก เชื่อเหลือเกินว่าโตขึ้นจะเจอกับใครสักคน และคงไม่ได้เดินทางคนเดียวอีก อย่างน้อยก็อาจมีคนรอเรากลับบ้าน ระหว่างเส้นทางนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านพ้นอะไรมากมาย ทำให้รู้จักความจริงบางอย่าง ว่าความรักในแบบนั้นมันอาจจะมีแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้เจอ บางคนก็อาจเจอแต่อาจเก็บรักษาไว้ไม่ได้นาน เรื่องความรัก เป็นศิลปะของการมีชีวิตอยู่จริงๆ

มาถึงตอนนี้ ความเชื่อเรื่องแบบนั้นอาจไม่รุนแรงเท่าตอนเด็กๆ เพราะเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น เจอสิ่งต่างๆมาก็เยอะ ถ้าได้เจอเรื่องแบบนั้นอีกครั้ง .. ถ้ามีโอกาสได้รักอีก จะพยายามทำให้มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุด

+ Je voudrais que quelqu’un m’attende quelque part.
ข้อความฝรั่งเศสในรูปมาจากชื่อหนังสือ ของคุณ แอนนา กาวาลดา มีชื่อไทยว่า อยากให้ใครสักคนรอฉันอยู่ (ที่ไหนสักแห่ง) รูปนี้ถ่ายเมื่อสองปีก่อน ถ่ายในช่วงอกหัก 🙂

ในตอนนั้นมีความเชื่อว่า ถ้าพ้นจากคนนี้..มันต้องมีอีกสักคนน่า ที่กำลังรอฉันอยู่ ใครสักคนที่เจอกันแล้วรู้สึกว่า โลกไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เวลาที่มองพระอาทิตย์ตกดินถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่จะดีแค่ไหนที่รู้สึกว่ามันไม่โดดเดี่ยวต่อไปแล้ว

เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นรึปล่าว ไม่รู้ .. แต่จะไม่พูดว่า ฉันคงไม่เจออะไรแบบนี้หรอก หรือ เรื่องแบบนี้มันไม่มีจริง .. อย่างแน่นอน ถ้าเจอก็ดีสิ แต่ถ้าไม่เจอ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี
คนโชคดี จะเจอความรักแบบนี้ ..แต่มันก็จะดีกว่าถ้าเจอแล้วรักษาสิ่งล้ำค่าไว้อย่างดี ซึ่งไม่เกี่ยวกับโชคชะตา

เธออยู่ไหน ออกมาเจอกันเถอะ!

+ไม่รู้สิ..ความรัก มันอาจเริ่มต้นจากคนสองคนที่ไม่เกลียดกันหรืออาจจะเกิดจากความเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันได้ ไม่รู้เหมือนกัน ในความรัก ยังคงเป็นเด็กน้อย ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ยังไงก็ตาม Blackberry Moon ก็ช่วยดูๆให้หน่อยแล้วกัน

การเดินทางยาวไกลที่เราตามหา
ใครสักคนนั้นได้สิ้นสุดลง… เมื่อได้มาพบเธอ

ช่วยดลใจคนๆนั้นให้ฉันหน่อย 🙂
ให้มารักฉันเสียที .. เพราะฉันก็อยู่ตรงนี้และพร้อมที่จะรักได้แล้วนะ

มีคืนที่ผ่านมาแล้วคืนหนึ่ง ที่ฉันกำลังอยากร้องเพลงสักเพลงให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง เพลงที่ฉันร้องมาเกือบครึ่งชีวิตแต่ฉันกลับพบว่าฉันลืมเนื้อไปสนิท ให้นึกยังไง นึกแค่ไหน ก็นึกไม่ออก

Time…
I’ve been passing time watching trains go by,
All of my life…
Lying on the sand, watching seabirds fly
Wishing there would be
Someone waiting home for me

เชื่อไหมกับประโยคและถ้อยคำง่ายๆในเพลงบางเพลงมันทำให้ฉันมองเห็นโลกอีกใบที่มีสีฟ้าใสในจินตนาการ แปลกที่สำหรับฉันมันเป็นมากกว่านั้น ฉันเห็นภาพที่แตกต่างไปจากทุกวัน ภาพคนๆหนึ่งที่กำลังรอคอยใครอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่แค่ ใครสักคนไม่ใช่แค่ใครก็ได้แต่จะต้องเป็นคนๆเดียวเท่านั้น

แปลกที่เพลงบางเพลงอาจนำไปสู่เหตุการณ์หลายๆอย่างในชีวิตที่เหนือความคาดหมาย เพลงบางเพลงมีความยาวแค่ไม่กี่นาทีแต่อาจส่งผลให้คนเขียนจดหมายหากันไปตลอดชีวิต อาจทำให้คนบางคนเดินออกมาจากโลกที่เคยอาศัยอยู่มาตลอดมามีชีวิตอยู่ร่วมกับคนอีกคนหนึ่ง

Something’s telling me it might be you
Yes it’s telling me it might be you…
All of my life…

Looking back as lovers go walking past…
All of my life…
Wondering how they met and what makes it last
If I found the place
Would I recognize the face?

Something’s telling me it might be you
Yeah it’s telling me it might be you…

เพื่อนคนหนึ่งถามฉันเสมอว่า ถ้าคนๆนั้นมา เราจะรู้เลยใช่ไหม ..ว่าเป็นคนนี้ ฉันจำได้ว่าฉันตอบคำตอบที่เธออยากได้ยิน แต่ในความเป็นจริงนั้นฉันไม่รู้ เพราะประสาทสัมผัสคนเรามีไม่เท่ากันแต่คนที่ใช่ยังไงก็คือใช่ ความ ใช่ มันมีพลังมากพอที่จะตอบแทนคำตอบในทุกคำถาม

So many quiet walks to take
So many dreams to wake
And we’ve so much love to make
I think we’re gonna need some time
maybe all we need is time…
And it’s telling me it might be you
All of my life…

วันนี้ฉันไปยืนดูขนมเค้กหลายเจ้ามาก ดูแล้วฉันก็อยากจะร้องไห้ 🙂 ฉันไม่อยากซื้อ ฉันอยากทำขึ้นมาเอง ฉันอยากยืนอยู่ในห้องครัวทำขนมแล้วรู้ว่ามีคนกำลังรอชิมอยู่ ช่วงนี้ฉันทานอาหารข้างนอกไม่ค่อยลงเลยเปลี่ยนมาทำกินเองบ่อยๆ ก็ได้ผลเพราะทำเองความรู้สึกมันแตกต่างกับคนอื่นทำ อย่างน้อยๆที่สุดก็รู้ว่าทำด้วยใจ แล้วฉันก็ตักข้าวมานั่งกิน บอกตัวเองว่าฉันกำลังมีความสุขแม้จะกินข้าวตัวคนเดียวเวลาน้อยนิดที่ถูกใช้สอยไปกับบุคคลอันเป็นที่รักดังเช่นเพื่อนๆและครอบครัวทุกเวลามันมีค่ากับฉันมาก แม้ว่าทุกๆคนก็ยังจะเห็นว่าฉันยังเป็นเหมือนเดิม ลึกๆข้างในบางทีฉันอาจกำลังร้องไห้

I’ve been saving love songs and lullabies
And there’s so much more
No one’s ever heard before

“แม้ว่าคนที่แปลกแยกที่สุดในสังคม..ก็ยังต้องการใครอีกคนที่แปลกแยกเป็นเพื่อนกัน”
คำพูดในวงสนทนาที่คอยขัดคอกันตลอดในหมู่สมาชิกแต่พอประโยคนี้ดังขึ้น ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน แม้ว่าคนที่ชอบอยู่คนเดียวเป็นที่สุดก็ยังต้องการใครสักคน นับประสาอะไรกับคนอย่างเราๆ ..ใครไม่ต้องการช่วยมาบอกฉันหน่อย

Something’s telling me it might be you
Yeah it’s telling me it must be you…
And I’m feeling it’ll just be you…
All of my life…

Maybe it’s you…
Maybe it’s you…
Ive been waiting for all of my life

หลายครั้งหลายหนที่ความอ่อนแอเข้ามาเคาะประตู ฉันพยายามบอกตัวเองว่า ไม่ แต่ลึกๆข้างในใจเหมือนมันเกิดการกบฎ บางครั้งฉันก็ทนไม่ไหว ฉันอ่อนแอมาก ฉันคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดคือตัดคนๆนี้ออกไปจากชีวิต ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเจ็บปวด เพราะรู้ว่ายังไงก็รักกับคนๆนี้และในที่สุดก็อยากลงเอยกับคนๆนี้

เมื่อก่อนนั้น ปัญหาของฉันคือ รอไม่ไหว เพราะอยากเจอคนที่ใช่เสียที มาวันนี้ ปัญหาของฉันก็ยังเหมือนเดิมคือ รอแทบไม่ไหว

ฉันไปเจอเพลงนี้ในไดอารี่ของน้องสาวคนหนึ่ง ฉันร้องไห้ตั้งแต่อินโทรขึ้น ..คืนนี้ เพลงเดียวกันที่เคยลืมเนื้อเพลงไปแล้ว ฉันกลับมาจำทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเพลงนี้ได้ครบถ้วน ทั้งเนื้อเพลง ดนตรี เมโลดี้และความรู้สึกทุกอย่างที่อยู่ข้างในนั้น

it might be you